forwriter.com
 
นวนิยายรักโรแมนติก

 


คลื่นทราย ใต้แสงดาว

โดยหนึ่งลิปดา

นวนิยายชุด ตระกูลเบ็ญจรงค์

 

 

 

 

ระรินดาว เบ็ญจรงค์ รู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งก็รู้สึกหนักที่ไหล่ด้านซ้าย จากแสงไฟสลัวหญิงสาวก็เจอเข้ากับศรีษะที่เต็มไปด้วยเส้นผมดกดำใบหน้านั้นรกครึ้มไปด้วยเครา แถมยังใส่แว่นตาดำปิดไว้อีกต่างหาก หญิงสาวไม่คิดที่จะสำรวจต่อ เพราะรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาที่จู่ ๆ ก็มีชายหนุ่มมาซบไหล่เธอหลับใหลอย่างสบาย ความจริงเก้าอี้ของสายการบินก็ใช่ว่าจะตัวเล็กนักหรอก แต่นายคนนี้ออกจะมีร่างกายบึกบึนไปหน่อยเท่านั้น นี่ก็ไม่รู้ว่านายนี่ขึ้นมานอนซบเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะเธอเองก็หลับตั้งแต่ขึ้นเครื่องเหมือนกัน อาจจะขึ้นเมื่อตอนเครื่องแวะที่ไหนสักแห่งก็ได้

แต่แม้ว่าจะไม่พอใจจนอยากจะจับหัวหมอนี่ทุ่มใส่พนักเก้าอี้นัก ระรินดาวก็เพียงแค่เบี่ยงไหล่เธอออกจากการเป็นหมอนให้เขาเท่านั้น นั่นก็ทำให้ศีรษะของอีกฝ่ายตกลงอย่างง่าย ๆ แต่ปฏิกิริยาต่อมาของเขาทำให้เธอถึงกับสะดุ้งเมื่อมือข้างหนึงของเขาคว้าหมับที่ต้นคอเธออย่างรวดเร็วแรงบีบทำให้ระรินดาวถึงกับอุทานไม่ออก ดวงตาเธอเบิกโพลง สบสายตาที่มองผ่านแว่นออกมาอย่างตื่นตะลึง ชั่ววินาทีมือนั้นก็คลายออก

  “ ซอรี่ ” เสียงห้าวทุ้มพูดออกมาเรียบ ๆ แล้วก็ขยับกายหันไปอีกด้านหลับตานอนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

  “ บ้าจัง ! ” ระรินดาวสบถออกมาเบา ๆมองเขาอย่างโกรธจัดเพราะทำอะไรไม่ได้ จะให้เธอโวยวายก็ใช่ที่เพราะไอ้ตัวก่อเรื่องดันนอนเป็นทองไม่รู้ร้อน อีกอย่างจากประสพการณ์ที่เคยเจอมาจากพี่ชายทำให้เธอรู้ว่าผู้ชายที่ปฏิกิริยารวดเร็วอย่างนี้ไม่ธรรมดาแน่ ต้องเป็นมืออาชีพที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี เพียงแต่เขาเป็นคนดี หรือผู้ก่อการร้ายเท่านั้น แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตามจะมาบีบคอเธอแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้แบบนี้ไม่ได้ หญิงสาวหันไปดูรอบ ๆ ผู้โดยสารส่วนมากจะนอนกันทั้งนั้น อีกไม่กี่ชั่วโมงก็คงเช้า ตามหมายกำหนดการเครื่องจะถึงประเทศวาโซดิเนียประมาณ หกโมงเช้า อีกตั้งสามสี่ชั่วโมงจะให้เธอนั่งนิ่งอยู่เฉย ๆ ไม่ได้แน่ ดังนั้นเธอจึงลุกขึ้นยืนสจรว์ตหนุ่มคนหนึ่งเดินตรงเข้ามา ระรินดาวไม่รู้ว่าเขาเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่หรือเปล่า

  “ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ ” เขาถามอย่างสุภาพ

  “ ไม่ค่ะ ขอบคุณ ” เธอตอบแล้วยิ้มหวานให้เขาจนอีกฝ่ายตะลึงมอง แต่ระรินดาวไม่ใส่ใจกับกกิริยานั้นคล้ายจะรู้อยู่แล้วว่ารอยยิ้มของเธอมีผลอย่างไรกับพวกผู้ชาย เธอหันมาพูดเบา ๆ กับร่างที่นอนหลับสบายโดยไม่สนว่าเขาจะได้ยินหรือไม่ อย่างสุภาพว่า     

  “ excuse me”         

หญิงสาวเดินผ่านเก้าอี้ที่ชายหนุ่มนอนหลับอยู่ออกมาเพื่อไปห้องน้ำ เธอไม่แคร์ว่าส้นรองเท้าที่เธอบรรจงบดขยี้ไปที่เท้าชายหนุ่มทั้งสองข้างนั้นจะก่อให้เกิดผลเช่นไรกับเขา เพราะตอนนี้เธอรู้สึกสบายใจที่ได้เอาคืนบ้างเท่านั้นเอง

   ออกมาจากห้องน้ำเธอมองจากทางเดินเธอเห็นสจรว์ตหนุ่มคนนั้นกำลังผงกศีรษะเหมือนรับคำสั่งอะไรบางอย่างจากคู่กรณีของเธอ ก่อนจะเดินตรงมาดักที่ทางเดินพูดด้วยน้ำเสียงที่ระรินดาวคิดว่าเขากำลังขำว่า

  “ มิส ถ้าคุณต้องการจะย้ายที่นั่ง เรามีที่ …”

  “ ไม่ค่ะ ขอบคุณ ” ระรินดาวตอบแล้วยิ้มหวานให้เช่นเดิม

   เธอเดินกลับมาที่นั่ง ร่างใหญ่นั้นก็ดูเหมือนจะนอนหลับอยู่เหมือนเดิม ระรินดาวเหยียดยิ้มขึ้นมาก่อนจะพูดขึ้นว่า

  “ excuse me”

   ขาทั้งสองข้างของเขาหดเข้าที่ใต้เก้าอี้อย่างรวดเร็ว หญิงสาวเดินผ่านเข้าที่นั่งด้านในของตนเองด้วยความรู้สึกสะใจไม่น้อย

  

ระรินดาว ต้องการจะนอนอีกครั้ง แต่ก็นอนไม่หลับ เธอนั่งชิดกายไปด้านหน้าต่างเครื่อง มองออกไปข้างนอกก็ไม่เห็นอะไร เพราะยังมืด จึงนั่งนิ่ง ๆคิดถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เธอต้องมาเกี่ยวข้องรู้จักกับประเทศวาโซดิเนียอย่างขำ ๆ เหตุการณ์แรกก็เป็นเรื่องที่เธอถือเป็นเรื่องธรรมดามากที่ถูกเรียกตัวกลางดึกมาผ่าตัดคนไข้ ฉุกเฉินรายหนึ่งเขาเป็นชายวัยฉกรรจ์ถูกยิงเข้าที่ไหล่ ท้อง และต้นขาด้านซ้าย ระรินดาวใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะผ่าตัดเอากระสุนออกมาได้ ทุกอย่างเรียบร้อยดีในคืนนั้น และเมื่อเธอมาตรวจอาการอีกครั้งในตอนเช้าสังเกตได้ว่ามีนายตำรวจใหญ่คนหนึ่งอยู่ในห้อง ระรินดาวรู้จักเป็นอย่างดีจึงยกมือทำความเคารพ

  “ อยู่เวรเรอะเมื่อคืน ? ”

  “ ถูกตามตัวค่ะ ” ระรินดาวตอบพร้อมกับรอยยิ้ม

  “ คนไข้ยังไม่ฟื้นเลย อาการหนักไหมหมอนี่ ”

  “ เสียเลือดมากค่ะคุณลุง กระสุนฝังใน ที่ไหล่ ต้นขาซ้าย แต่ที่หนักหน่อยก็ตรงท้องค่ะ กระเพาะทะลุเลือดคลั่ง ”

  “ ไม่เกินฝีมือเราไปได้หรอกน่า ” ผู้สูงวัยกว่าเย้าแต่สีหน้าติดจะเคร่งเครียดเมื่อมองไปยังร่างที่ยังนอนไร้สติอยู่บนเตียง

   ระรินดาวเดินไปจับชีพจร ตรวจดูความเรียบร้อยของแผล

  “ ข้าวของติดตัวมีเพียงแค่นี้เองเหรอ ”

  “ ค่ะ ดาวให้เขารวบรวมไว้ในกล่อง กระสุนที่แคะออกมาก็จุดสามแปดทุกนัด แผลที่ไหล่ และต้นขาเหมือนจะถูกยิงระยะไกล แต่ที่ท้องเป็นการจ่อยิงค่ะ ”

  พันตำรวจเอกปฐม วนัสสิกา เพ่งมองของที่อยู่ในกล่องใบย่อม มีเพียงมีดพกสองเล่มอันหนึ่งเล็กจนเหมือนทำเป็นของที่ระลึก แต่อีกอันใหญ่ใบมีดคมกริบทั้งสองอันมีความเหมือนกันมากจะต่างกันเพียงขนาดเท่านั้น มีธนบัตรใบละร้อยดอลล่าร์สี่ห้าใบ จากนั้นก็เป็นเงินเหรียญอีกจำนวนหนึ่ง

   มีเสียงเคาะประตูที่หน้าห้อง แล้วร่างสูงใหญ่ของชายคนหนึ่งก็เปิดเข้ามา เขาพยักหน้าให้ระรินดาวหน่อยหนึ่งก่อนจะหันไปทำความเคารพผู้บังคับบัญชา

  “ มาดูนี่ซินายเพลิง ”

  พันเพลิง เบ็ญจรงค์ ก้มมองสิ่งของที่อยู่ในกล่องเหยิบมีดขึ้นมาพูดว่า “ สำหรับการฆ่าที่ต้องการความเงียบที่สุด น้ำหนักดี แต่เหมาะสำหรับผู้หญิง ลองดูซิ ” เขาโยนมีดคมกริบให้ระรินดาว

  “ บ้าจริงพี่เพลิง ” ระรินดาวรับเอาไว้พร้อมแหวใส่พี่ชาย

  “ ไอ้ตัวยึกยือ มันแกะไว้ที่ด้ามหมายความว่ายังไง ” พันเพลิงถามไม่สนใจกับท่าทางไม่พอใจของน้องสาว ระรินดาวค้อนให้ก่อนจะก้มลงมองที่ด้ามมีด

  “ เป็นภาษาละติน หมายถึงหัวใจและดอกกุหลาบค่ะ ” หญิงสาวบอกแล้วโยนมีดคืนพี่ชายหน้าเฉย

   พันเพลิงรับมีดที่น้องสาวโยนกลับมาอย่างคล่องแคล่ว ขณะที่พล . ตร . เอกปฐมวงศ์ ส่ายหน้ากับการขว้างมีดเหมือนเล่นของคนทั้งคู่

  “ ถ้ามันพลาดขึ้นมาฉันจะสมน้ำหน้าให้ดู ” ท่านเอ่ย

  “ คุณลุงเป็นคนสอนผมตั้งแต่เด็ก ”

  “ พี่เพลิงเป็นคนสอนดาวเมื่อไม่กี่ปี ”

   ทั้งสองพี่น้องประสานเสียงตอบ แต่เมื่อเห็นผู้สูงวัยทำหน้านิ่ว พันเพลิงรีบพูดขึ้นอย่างขึงขังว่า

  “ จากที่รายงานพบหมอนี่วิ่งโซเซออกมาที่ถนน สายตรวจเจอเข้าแล้วนำมาส่งให้ที่โรงพยาบาล ผมเดาเอาว่าคงเป็นเรื่องการหักหลังอะไรกันสักอย่าง เพราะตรวจสอบสถานที่พบว่าห่างออกไปอีกประมาณร้อยเมตรพบอีกสองศพ ถูกเชือดด้วยมีด แล้วมันดูเหมือน กับกลุ่มห้าศพที่ลอยมาติดสะพานพุทธเมื่อเดือนก่อนครับ จากรูปการณ์ผมว่าคดีนี้น่าจะเกี่ยวโยงกัน ”

  “ เหมือนศพพวกอาชญากรข้ามชาตินั่นเหรอ ”

  “ ครับ ” พันเพลิงตอบอย่างมั่นใจ

  “ แต่มีดเล่มนี้ไม่มีรอยเลือดติดอยู่ ” ระรินดาวท้วงขึ้น

  “ ก็แสดงว่าอาจจะยังมีตัวละครตัวอื่นอยู่อีก ” พล . ตร . เอกปฐมวงศ์พูดอย่างสุขุมเดินไปจ้องหน้าคนที่อยู่บนเตียงอย่างครุ่นคิด

  “ เมื่อไหร่ ? คนไข้จะฟื้น ”

  “ ไม่น่าจะเกินเที่ยงค่ะ ”

  “ อยู่ดูแลอย่างใกล้ชิดก็แล้วกัน ห้ามคนนอกเข้าออกฟื้นมาเมื่อไหร่ให้แจ้งลุงโดยด่วน มาเพลิงไปคุยกัน ”

   ตอนท้ายท่านหัน มาชวนพันเพลิงให้เดินตามออกไปง่าย ๆ ระรินดาวจึงหันความสนใจไปที่กล่องหลักฐานพิจารณาทุกอย่างโดยละเอียด แล้วก็มาสะดุดตาเข้ากับเหรียญเงินอันหนึ่งดูเผิน ๆ มันก็เหมือนกับเงินเหรียญต่างประเทศทั่วไปที่บอกราคาของเงิน แต่ด้านหน้าที่ติดอยู่บนเหรียญซึ่งมองครั้งแรกเธอเห็นเป็นเพียงรูปนกอินทรีเท่านั้น กลับปรากฏเป็นภาพซ้อนของชายใบหน้าน่าเกรงขามสวมหมวกนักรบสมัยโบราณ ระรินดาวหยิบขึ้นมาเพ่งมองใกล้ ๆ จึงเห็นตัวอักษรเส้นเล็กเขียนด้วยข้อความที่ไม่ต่างจากที่ด้ามมีด เธอกระดกเหรียญในมือภาพใบหน้าของนักรบก็เห็นเพียงเค้าโครงลาง ๆ หญิงสาวนึกทึ่งเมื่อมองออกว่ามันไม่ใช่เหรียญเงินที่ปั้มออกมาธรรมดา แต่เป็นเหรียญที่ผ่านการแกะภาพออกมาอย่างละเอียด แถมยังเป็นภาพสามมิติเสียด้วย หญิงสาววางเหรียญลงหันความสนใจมาที่มีด ความยาวของมีดอันเล็กประมาณสี่นิ้วเมื่อมาวางเทียบกับอันใหญ่กว่ามันก็เท่ากับด้ามมีดของอีกอันพอดี มีดเป็นอาวุธที่เธอถูกเคี่ยวเข็ญให้ฝึกจากพันเพลิงจึงมีความชำนาญไม่แพ้ปืน เมื่อมองดูความคมกริบของมันจึงรู้สึกพึงใจไม่น้อย สัญชาตญาณทำให้เธอรู้ว่ามีดเล่มนี้คงจะเคยปลิดชีวิตคนไม่น้อย แต่ตอนนี้มันไร้หลักฐานชี้ชัดถึงสิ่งที่เธอคิดว่าถูกต้องหรือไม่     

   มีเสียงครางจากคนบนเตียงหญิงสาวหันขวับไปก็เห็นสายตาของคนไข้จ้องมองมาที่เธอเขม็ง ระรินดาววางมีดลงส่งยิ้มให้ เดินเข้าไปหา     

  “ คุณเป็นหมอ ” เขาถามเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงชัดเจนแม้จะฟังดูอ่อนล้าไปบ้าง

  “ ใช่ค่ะ ”

  “ ของ ๆ ผม ”

  “ อยู่ครบค่ะ ” เธอบอกพยักหน้าไปทางกล่อง

  “ ขอผมดู ”

   ระรินดาว มองสภาพคนไข้ที่มีสายระโยงระยางของน้ำเกลือและเลือดแล้วก็เดินไปหยิบกล่องมาให้ดู สังเกตุเห็นสายตาเขาพุ่งจับไปที่มีดจากนั้นก็กวาดสายตาไปที่กลุ่มเหรียญ สีหน้าเขาแสดงความโล่งใจ ก่อนที่จะพยักหน้าให้เธอไปวางไว้ที่เดิม

  “ คุณฟื้นเร็วกว่าที่คิด ไม่ทราบว่าคุณจะต้องการติดต่อเพื่อนหรือญาติคนไหนไหมคะ ? ”

  “ ไม่ ผมต้องการพักผ่อนมากกว่า ” ไม่พูดเปล่าเขายังหลับตาลงไปเสียด้วย

  “ แล้วชื่อของคุณละคะ ”

  “ เอาไว้เป็นหน้าที่ของตำรวจเถอะคุณหมอ ” เขาพูดอย่างรำคาญทั้ง ๆ ที่ยังหลับตาอยู่

   ระรินดาวมองหน้าเขาแล้วเหยียดยิ้ม พูดเบา ๆ ว่า

  “ ด้วยหัวใจและดอกกุหลาบ เชียวละ ”

   ได้ผล นัยน์ตาคนไข้เปิดขึ้นมาตามคาด แต่ระรินดาวไม่คิดว่าจะเห็นรอยยิ้มจากเขา

  “ รู้ไหม ถ้าคุณหมอเอ่ยคำพูดนี้ออกมา พร้อมกับมีบางสิ่งในมือตามธรรมเนียมของผม มันหมายความว่า คุณกำลังขอผมแต่งงาน ”

  “ โอ ! เป็นครั้งแรกที่ฉันต้องขอบคุณความว่างเปล่า ” หญิงสาวพูดพลางแบมือทั้งสองข้างขึ้นมายิ้มอย่างล้อเลียนถามว่า “ ธรรมเนียมของประเทศไหนกันละนี่ ”

  “ วาโซดิเนีย แต่มันเป็นเรื่องเฉพาะภายใน … ” เขาตอบแล้วชะงักมองเธออย่างรู้ทัน “ รอยยิ้มของหมอนี่ล้วงตับคนได้เลยนะ จะกรุณาให้คนไข้ได้พักผ่อนหรือยัง ”

  “ ฉันกรุณากับคนไข้ที่สุภาพกับฉันทุกคน คุณหลับให้สบายเถอะค่ะ มิสเตอร์วาโซดิเนีย ”

   นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอเจอกับเขา เพราะไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง เธอก็ได้รับโทรศัพท์ข่าวรถคว่ำของพลังพลพี่ชายอีกคนที่เกาะน้ำใส จึงต้องรีบเดินทางไป ลืมเลือนเรื่องคนไข้คนนี้เสียสนิท เป็นนานหลายวันจึงพบกับพันเพลิง เขายื่นซองสีน้ำตาลให้เธอบอกว่า

  “ มีคนเขาฝากให้ ”

  “ อะไรคะ ? ”

  “ ดูเอาเอง ” พันเพลิงตอบอย่างไม่สนใจเดินตัวปลิวออกไป

   ระรินดาวเทออกมาก็เจอเข้ากับเหรียญภาพสามมิติ และมีดพก พร้อมกับโน้ตสั้น ๆ

  “ การจะขอแต่งงานกับใครสักคน ต้องมีของสองสิ่งนี้ในมือ ขอบคุณที่รักษาผม ”

   หญิงสาวเพียงแต่ยักไหล่ให้กับข้อความนั้น แล้วทุกอย่างก็ถูกซุกเก็บไว้ที่ลิ้นชัก ระรินดาวไม่ได้คิดถึงมันอีกเลยเป็นเดือน จนกระทั่งจู่ ๆ ก็ได้รับจดหมายจากเพื่อนสนิทที่เป็นสาวห้าวชาวอังกฤษตลุยทำข่าวไปทั่วทุกมุมโลกที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานร่อนมาบอกว่า

“ ฉันจะคลอดเดือนหน้า อย่าลืมสัญญาที่จะมาทำคลอดให้ฉัน มาสนุกกับงานเฉลิมฉลองราชาภิเษกที่ประเทศสวาโซดิเนียจะจัดขึ้นในตอนนี้ พระองค์ยังโสดอยู่นะ ฉันจะพาเธอเข้าเฝ้าด้วย รีบมานะเจ้าหญิงแสนหยิ่งของฉัน ”

ข้อความในจดหมายมีเพียงแค่นั้น ที่เหลือก็เป็นที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ ระรินดาวเคยใช้บริการสื่อสารโทรไป แต่ไร้ผลไม่มีเสียงตอบรับ จึงจดหมายตอบกลับไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้ว่าเธอจะไปถึงก่อนสักหนึ่งอาทิย์ และเธอก็คิดว่ากว่าจะถึงกำหนดนัดตัวเองน่าจะมีเวลาเตรียมตัวอยู่ จึงไม่ได้รีบร้อนอะไร แต่เอาเข้าจริง ๆ เพราะมัวแต่งานยุ่ง กับงานและเมื่อทำการลาพักร้อนแล้ว เธอก็ยังติดรับเลี้ยงเพื่อนๆ ที่ฉลองการเลื่อนยศเป็นร้อยเอกให้เธอ ประจวบกับการที่ไม่มีสายการบินใดจากประเทศไทยบินตรงไปยังประเทศวาโซดิเนียเลย การเดินทางของเธอจึงต้องล่าช้าไปออกไปอีก เอาเข้าจริง ๆ เธอจึงได้นั่งเครื่องไปวาโซดิเนียในวันที่สองที่เธอควรจะไปถึงที่นั่นแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมาจึงทำให้ระรินดาวเพลียอย่างหนักแค่ขึ้นเครื่องได้เธอก็หลับเสียแล้ว แต่ตอนนี้เธอตื่นเต็มที่จนนอนต่อไม่ได้ เลยคิดจะเอาหนังสือท่องเที่ยวเกี่ยวกับประเทศวาโซดิเนียขึ้นมาอ่านฆ่าเวลา แต่ก็ฉุกคิดได้ว่า เธอสอดมันเข้ากับซองสีน้ำตาลที่มีเหรียญเงินและมีดเล็กเล่มนั้นที่เธอนึกสนุกอยากเอามาให้เพื่อนดู น่าเสียดายที่เธอแพคมันลงกระเป๋าเดินทางซึ่งตอนนี้ก็คงนอนอยู่ใต้ท้องเครื่องแล้ว ระรินดาวนิ่งคิดไปครู่ก็ยิ้มออก ช่องเบาะหลังของเก้าอี้ตัวหน้า น่าที่จะมีหนังสือให้อ่านบ้างหรอก

หญิงสาวไม่รอช้าเปิดไฟอ่านหนังสือในส่วนของเธอทันที ค้นหาหนังสือในช่องด้านหน้าแต่ปรากฏว่ามันมีเพียงโบรชัวร์ภาพความปลอดภัยเมื่ออยู่บนเครื่องบินเท่านั้น หันไปที่ช่องด้านหน้าของคนนั่งข้าง ๆ ก็เห็นมีหนังสือสอดไว้อยู่ ชำเลืองไปทางเขาก็เห็นท่าทางหลับสบายอยู่ จึงตัดสินใจค่อย ๆ เอื้อมมือไปหยิบออกเล่มหนึ่ง โชคร้าย … มันเป็นแคตตาลอคจำหน่ายสินค้าบนเครื่อง หญิงสาวสอดไว้ที่หน้าช่องของตัวเอง เอื้อมไปหยิบมาอีกเล่มดีขึ้นมาหน่อยเป็นนิตยสารไทม์ เธอเอามาเปิดผ่าน ๆ อย่างไม่สนใจข้อความ เพราะสิ่งที่ต้องการคือหนังสือที่เกี่ยวกับประเทศวาโซดิเนีย ยังเหลืออีกเล่ม ระรินดาวขยับจะเอื้อมมือ

“ เฮ้อ ” เป็นเสียงถอนหายใจ อย่างรำคาญของคนนั่งข้าง ๆ พร้อมกับหนังสือเล่มที่เธอต้องการก็วางปุบอยู่บนตักเธอ

“ ผมนึกว่าคุณจะพอใจแค่เหยียบเท้าผม ” เสียงห้าว ๆ แดกดันขึ้น

“ ขอโทษ ดิฉันไม่ตั้งใจจะรบกวน คิดว่าคุณน่าจะหลับเป็นตายแล้ว “ ระรินดาวโต้กลับ

“ ไม่มีผู้ชายคนไหนหรอกที่หลับเป็นตายเมื่อได้นอนใกล้คุณ ”

“ ก็ทำไมคุณไม่ย้ายที่เสียละ ฉันมั่นใจว่านายสจรว์ตนั่นจัดการให้คุณได้แน่ ”

“ ผมว่าคุณได้รับข้อเสนอนั่นแล้วนะ ทำไมคุณไม่เป็นฝ่ายเปลี่ยนที่เอง ”

“ หลังจากที่คุณบีบคอฉันนะเหรอ ” เธอเชิดหน้าใส่

“ ผมจำได้ว่าผมขอโทษคุณแล้วนะ หรือว่าคุณไม่เข้าใจความหมายของมัน ”

“ คิดว่ามันจะง่ายแค่คำว่าขอโทษอย่างไม่รู้สำนึกด้วยนะเรอะ ”

“ ให้ตายซิคุณ จะเอายังไงแน่ ” เขาสบถมองขมึง

“ อย่ามาหยาบคายกับฉันนะ คิดว่าตัวโตกว่าแล้วฉันจะกลัวเหรอ ”

ระรินดาวจ้องผ่านเข้าไปในแว่นดำของเขาอย่างไม่ลดละ

  “ โอเค.. ” ชายหนุ่มไหวไหล่ถอดแว่นออก “ คราวนี้ผมมองเห็นชัดแล้วว่าคุณโกรธจริง ๆไม่ได้แกล้ง มาเริ่มต้นกันใหม่ ผมบีบคอคุณ คุณเหยียบเท้าผมมันเจ็บไม่ใช่เล่นถือว่าหายกัน หากคุณคิดว่าการที่ผมนอนหลับสนิทแล้วถือโอกาสไปซบไหล่คุณเป็นเรื่องที่อภัยกันไม่ได้ คุณก็มานอนซบไหล่ผมหลับบ้างเป็นการแก้คืนแล้วกัน ผมยินดี ผู้หญิงส่วนมากมักจะชอบแบบนี้ถ้าผมเปิดโอกาสให้ ”

   ถือได้ว่าเป็นคำพูดที่สบประมาทเธออย่างแรงจากผู้ชายแปลกหน้าที่ดูหล่อเหลาคมเข้มคนนี้

ระรินดาวไม่คิดที่จะสงวนถ้อยคำจึงสวนกลับออกไปอย่างเย็นชาว่า

  “ ฉันไม่คิดว่าคนอย่างฉันจะหลับสบายกับไหล่ นักฆ่า อย่างคุณหรอก ”

   อีกฝ่ายถึงกับอึ้งไปชั่วครู่ ไม่ทันที่จะได้ตอบโต้อะไร สจวร์ต หนุ่มคนเดิมก็เดินมากระซิบอะไรบางอย่างกับเขา แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มหยิบแว่นขึ้นมาใส่ปิดบังใบหน้าของตนอีกครั้ง แล้วลุกขึ้นยืนมองมายังเธอเขม็งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ ไม่ต่างกันว่า

“ คุณเป็นคนสวยที่ปากจัด อย่าให้ผมได้มีโอกาสทำให้คุณผิดคำพูดเสียละ ”

   ไม่ว่าเขาจะพูดยังไง ระรินดาวก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้น เมื่อชายหนุ่มเป็นฝ่ายจากไปเสียเอง เธอนึกอยากจะขอบคุณสจวร์ตหนุ่มคนนั้นที่ช่วยจัดการไล่เขาไปจากที่นั่งนี้เสียได้ แต่ก็ไม่เห็นตัวเขาอีกเลยจนกระทั่งเครื่องลงจอด

 

 

 


© ลิขสิทธิ์ตามกฏหมายโดย หนึ่งลิปดา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

๑๐๐ คำถามสร้างนักเขียน
นวนิยายคุณเขียนได้ด้วยตัวเอง
 

 

ดั่งไฟรัก
 

 

ดั่งไฟพิศวาส
นวนิยายรักเร้าอารมณ์
 

 

2009 free writing

 



๕๐๕แคนโต้แห่งความรัก
 
 

 

  http://www.forwriter.com . © 2005 All rights reserved.