forwriter.com

 
หากคุณคือมือใหม่ เวปนี้เหมาะสำหรับคุณมาก

 

สัมภาษณ์นักเขียนแรลลี โดย ฟีลิปดา

คุณสมาธิ
เจ้าของผลงาน "รักแห่งเสรีภาพ"

 

 

แนะนำตัวเองอย่างคร่าวๆ ก่อนนะคะ

ขึ้นชื่อว่านักเขียนหน้าใหม่ เราอาจจะนึกภาพเป็นหนุ่มสาวหน้าใส วัยยังละอ่อน แต่ผมยังเป็นนักเขียนหน้าใหม่ที่อายุสามสิบแล้ว นิยายยังไม่เคยได้รับการตีพิมพ์ แต่บทความต่างๆ ตีพิมพ์มาบ้างแล้วในนิตยสาร เริ่มต้นจากการเขียนตอนเป็นพระภิกษุ ประมาณแปดปีที่แล้ว การศึกษาจบนักธรรมชั้นเอก มัธยม จบจาก กศน. ขณะนี้กำลังเรียนระดับปริญญาตรี คณะมนุษย์ศาสตร์ เอกภาษาไทย มหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำงานอยู่บริษัทอุตสาหกรรม พร้อมไปกับการเรียนศึกษาและเขียนหนังสือ ตอนนี้เลิกเขียนส่งนิตยสารแล้ว เพราะ ขี้เกียจรอนาน และขี้เกียจทวงเงิน บางเรื่องแอบ ตี พิมพ์งานเขียนของเราโดยที่ไม่ส่งข่าวบอกให้เรารู้ก็มี ปัจจุบันมุ่งเขียนเพื่อตีพิมพ์พ็อคเก็ตบุ๊คอย่างเดียว แต่ก็จะมีงานเขียนบางอย่างที่อาจจะส่งนิตยสารไปบ้าง

 

๑. อยากรู้ว่าชอบอ่านหนังสืออะไรคะ และมีหนังสือเล่มไหนเป็นแรงบันดาลใจให้อยากเขียนเองบ้าง

ถ้าจะกล่าวอย่างเปิดใจ หนังสือที่ผมชอบอ่านจะตรงข้ามอารมณ์กันมาก นอกจากวรรณกรรมชีวิต หนังสือที่ได้รับรางวัลวรรณกรรมแนวสังคมแล้ว แนวสืบสวนและศาสนาก็ชอบอ่าน เวลาเหงาๆก็อ่านแนวโรมานต์ และอีโรติก ส่วนหนังสือที่เป็นแรงบัลดาลใจอยากเขียนนั้น “ ข้างหลังภาพ ” นิยายรักของศรีบูรพา และ “ ใบไม้ที่หายไป ” กวีของจีรนันท์ พิตรปรีชาก็มีอิทธิพลต่อการอยากเขียนของผมได้ดีมาก แต่แรงบัลดาลใจจริงๆนั้น อาจเป็นเพราะไม่พอใจนิยายบางเรื่องมากกว่า จึงมาเขียนเอง

 

๒.  ครอบครัวของคุณมีอิทธิพลต่อการเขียนของคุณไหม ? อย่างไร ?

ไม่มีสักนิดเลยครับ การเขียนเป็นความฝันของผมทั้งสิ้น ครอบครัว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านักเขียนคืออะไร ครอบครัวผมเป็นคนชาวไร่ชาวนา ไม่ค่อยอ่านหนังสือ แม่ห้ามผมเขียนหนังสือด้วยซ้ำ เพราะครั้งหนึ่งผมเอาเรื่องคนแถวบ้านมาเขียน พอตีพิมพ์ในนิตยสาร ผมก็เอาเรื่องนั้นให้เขาดูกันทั้งหมู่บ้าน แม่กลัวเขาจะว่าผมที่เอาเรื่องของเขาไปเขียนก็เลยห้ามผมเขียนตั้งแต่บัดนั้น ปัจจุบันนี้ หากแม่ถามผมว่า ยังเขียนหนังสืออยู่ไหม ผมก็ตอบเพื่อให้แม่สบายใจว่าผมเลิกเขียนแล้ว ทั้งๆที่จริงๆแล้วผมเขียนทุกวัน

 

๓.  อะไรที่คุณเขียนเป็นครั้งแรก เคยให้เพื่อนๆ หรือครอบครัวอ่านไหม พวกเขาคิดว่าอย่างไร ?

การเขียนครั้งแรกของผม เกิดจากอุดมการณ์ธรรม ตอนที่บวชเป็นภิกษุ ตั้งชมรมธรรมขึ้นมา และจะออกวารสารแจกแก่สมาชิก ผมไม่รู้จะหานักเขียนที่ไหนมาเขียนลงวารสารก็เลยเขียนเองเสียเลย เริ่มจากบทความ สารคดีและบทกวี ครอบครัวไม่รู้หรอกครับ ส่วนเพื่อนก็ไม่เคยให้อ่าน มีแต่อาจารย์และนักเรียนเท่านั้นที่ช่วยอ่านและติชมให้ บทความแรกที่ผมเขียนเขาบอกว่าเขียนเหมือนนักเขียนเลย ทำให้ผมคิดว่าตนเองพอจะเป็นนักเขียนได้ จึงล่าฝันมาตั้งแต่บัดนั้น

 

๔.  มีใครที่คอยกระตุ้นหรือคุณคิดว่ามีส่วนช่วยเหลือในการไล่ล่าความฝันของการเป็นนักเขียนไหม ?

การเขียนของผมเริ่มต้นและกระทำตามลำพัง แต่จะมีสิ่งช่วยกระตุ้นจากสาวในจินตนาการมากกว่า เพราะชีวิตจริงผมจะขาดรัก อาจเป็นเพราะช่วงวัยหนุ่มบวชอยู่นาน จึงไม่มีเวลาคิดหารัก มักจะจินตนาการถึงสาวคนใดคนหนึ่ง แล้วสมมุติว่าเธอมีตัวตน แล้วจะทำทุกอย่างเพื่อเธอ การจินตนาการในรักและการเขียนของผมมันจึงไปควบคู่กัน

 

๕.  คุณมีวิธีเขียนนวนิยายเรื่อง รักแห่งเสริภาพ .อย่างไร ? ทั้ง การคิดโครงเรื่อง ตัวละคร เหตุการณ์ ฯลฯ

เบื้องหลังโครงเรื่องของนวนิยายเรื่องรักแห่งเสรีภาพนั้น มีสองส่วนครับ ส่วนแรกคือส่วนการชุมนุมประท้วงรัฐบาลปี2535 ซึ่งผมยังเป็นเด็กหนุ่ม อยู่กรุงเทพได้เข้าร่วมด้วย ส่วนที่สองก็คือตอนอยู่กรุงเทพผมแอบรักสาวไฮโซคนหนึ่งเป็นนักศึกษา แต่ผมถูกกีดกันจากพ่อแม่เธอ โครงเรื่องทั้งสองส่วนพอเอามาประกบกันก็กลายเป็นการต่อสู้เพื่อรักแห่งเสรีภาพขึ้นมา ส่วนตัวละครนั้น พระเอก ผมเอาความเป็นตัวของผมมาเป็นบุคลิก ทั้งการเป็นนักดนตรี ชอบแต่งเพลง และมั่นคงต่อความรัก ส่วนอารดาก็เอาบุคลิกของสาวไฮโซที่ผมแอบรักมาวางเป็นบุคลิก อารดา สาวในดวงใจของผมในจินตนาการทำให้ผมเขียนนิยายเรื่องนี้สำเร็จได้

 

๖.  ตัวละครในเรื่อง ได้รับอิทธิพล มาจากใครในชีวิตจริงหรือเปล่า

แน่นอนครับ นิยายเรื่องรักแห่งเสรีภาพ ผมใช้นามปากกาอย่างเป็นทางการว่า ศรันย์ อักษรวิจิตร เป็นชื่อของพระเอกในนิยาย น่าจะบอกบุคลิกบางอย่างของผู้เขียน ส่วนบุคลิกของอารดา นางเอกของเรื่อง ในชีวิตจริงคือสาวไฮโซที่ผมหลงรัก เข้าใจว่าตอนนี้น่าจะมีชีวิตอยู่ ตอนที่จากกัน พ่อเธอส่งเธอไปเรียนต่างประเทศเพื่อให้หนีผมไป คิดแล้วก็เศร้าครับ ครั้งนั้นมันเป็นรักครั้งแรกของผมด้วย เธอเรียนอักษรศาสตร์ ป่านนี้ ถ้าไม่เป็นนักเขียนก็คงทำงานด้านหนังสือที่ใดที่หนึ่ง และก็คงแต่งงาน มีลูกไปแล้ว

 

๗.  คุณชอบตอนไหนที่สุดในเรื่อง

คงเป็นตอนที่อารดาหนีจากงานหมั้น แล้ววิ่งตามรถชอบเปอร์มาหาศรันย์ เป็นฉากรักที่หวานโรแมนติก ทำให้ผม คิดถึงสาวนักศึกษาไฮโซคนนั้นขึ้นมาทันที และฉากตอนนี้ก็เป็นการที่ทั้งคู่ร่วมต่อสู้เพื่อรักด้วยกัน ทั้งที่ชีวิตจริง เธอจากผมไปตามคำสั่งพ่อ แต่เมื่อผมเอามาเขียนนิยาย โดยวางให้เธอฝืนคำสั่งพ่อ แล้ว วิ่งตามพระเอกเพื่อรักที่สมหวังนั้น ผมจึงชอบเอามากๆ

 

๘.  อะไรคือแรงบันดาลใจให้คุณเขียนเรื่องนี้

คงเป็นเพราะยังคิดถึงสาวอารดาคนนั้นอยู่ จึงเอามาเขียนเป็นนิยาย ส่วนเหตุการณ์ “ พฤษภาทมิฬ ” ก็ฝังใจอยู่เช่นกัน เลยวางโครงเรื่องเข้ากัน ถ้าอารดาอ่านนิยายเรื่องนี้แล้วก็อยากจะบอกเธอว่า ยังรักเธอตลอดกาล แต่ไม่แน่ ถ้าหากโครงเรื่องรักมั่นคงอย่างนี้ และอารดายังมีชีวิตอยู่ การตามหารักก็อาจเป็นโครงเรื่องต่อไป ตอนนี้วางโครงเรื่องภาค2 คร่าวๆไว้แล้ว

 

๙.  อะไรคือปัญหาหนักที่สุด ที่ท้าทายคุณตอนที่คุณเขียนคืออะไร

มีแน่นอนครับ เรื่องความรัก ช่วงแรลลี่เดือนสุดท้าย สาวรุ่นวัยยี่สิบในที่ทำงาน มาทำให้ผมหลงคิดรัก ผมเอาใจใส่ดูแลเธอจนเขียนหนังสือไม่ได้ สุดท้ายเมื่อผมไม่เทคแคร์ เธอให้ดีพอ เธอก็หาหนุ่มคนใหม่ เป็นประสบการณ์รักอันขมขื่นที่เข้ามากวนใจ ช่วงเขียนนิยายเรื่องนี้

 

๑๐. คุณคิดว่าเขียนฉากไหนยาก มีอะไรที่คุณหลีกเลี่ยงไม่อยากเขียนบ้างไหม ?

น่าจะเป็นฉากประประท้วงรัฐบาลของประชาชน ซึ่งผมพยายามหลีกเลี่ยง แต่เมื่อการดำเนินเรื่องให้ไปด้วยกันระหว่างการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประชาชน กับการต่อสู้เพื่อรักของหนุ่มสาว จำเป็นที่จะเขียนถึงจุดไคลแมกทั้งสองอย่าง จุดไคลแมกของการประท้วงน่าจะอยู่ช่วงวันที่18 พฤษภาคม วันที่ทหารยิงประชาชนอย่างหูดับตับไหม้ ส่วนจุดไคลแมกของการต่อสู้เพื่อรัก น่าจะอยู่ช่วงที่ตัวเอกมาเรียกร้องเสรีภาพรักที่บ้านท่านนายพล โครงเรื่องจริงๆนั้น ผมวางฉากการประท้วงอย่างเต็มๆ มีตัวละครในเรื่องตาย แต่พอเขียนเพื่อเลี่ยงความเสี่ยงต่อการวิจารณ์เข้าจริงๆ โครงเรื่องกลับเปลี่ยนไป ไม่มีใครตาย และฉากประท้วงก็ไม่ได้เขียนถึง มีเพียงถ่ายทอดเหตุการณ์ทั้งหมด โดยเสียงต่างๆที่พระเอกได้ยินเท่านั้น เช่นเสียงปืนรัว เสียงร้องไห้และเสียงร้องเจ็บปวดของประชาชน เป็นต้น

ฉากที่เขียนยากต่อมา น่าจะเป็นฉากเลิฟซีนระหว่างอารดากับศรันย์บนรถชอบเปอร์ริมถนน ฉากนี้จะหลีกเลี่ยงก็ไม่ได้ เพราะเป็นการสื่อความรัก ความเข้ากันได้ของหนุ่มสาวที่มาจากต่างชนชั้น แต่ไม่มีสิ่งใดปิดกั้นความรักได้

 

๑๑.  คุณเคยเกิดปัญหาการเขียนไม่ออก บ้างไหม ? ถ้ามีคุณจัดการกับมันอย่างไร ?

ผมไม่เคยมีปัญหาการเขียนไม่ออก ความคิดผมโลดแล่นเสมอ ปัญหาน่าจะเป็นการที่เราไม่มีเวลาเขียนมากกว่า เพราะต้องทำงาน และเรียนด้วย มันจึงหนักเหมือนกัน บางทีทำงานไปก็คิดเรื่องที่จะเขียนไว้ กลับถึงบ้านก็มาเขียนได้เลย โดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา

 

๑๒.  แล้วอย่างที่เขียนไปๆ ความคิดเกี่ยวกับเรืองอื่น เข้ามาแทรกแซงในเรืองที่เขียนอยู่ละคะ ?

ช่วงที่กำลังเขียนอยู่ ความคิดเรื่องอื่นเข้ามาแทรก อันนี้ผมเป็นบ่อย แต่จะไล่ความคิดนั้นออกไปได้ เพราะผมมีประสบการณ์ฝึกสมาธิมา เมื่อเราฝึกสมาธิ จิตเราจดจ่ออยู่แต่เรื่องเดียว ถ้าความคิดอื่นเข้ามาแทรกก็ไล่ ออกไป ไม่งั้นจะไม่เกิดสมาธิได้ การเขียนก็เหมือนกัน ขณะที่เขียนเรื่องนั้นๆ ความคิดเรื่องอื่นเข้ามาก็ไล่ออกไปก่อน

 

๑๓. ช่วยเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับการเขียนของคุณในแต่ละวัน ตอนเขียนคุณใช้อะไรเพื่อสร้างอารมณ์ไหม อย่างฟังเพลง หรืออื่นๆ ไปด้วย ?

ปกติผมมักจินตนาการไปเรื่องต่างๆไปเรื่อย แต่ถ้าหากจะสร้างอารมณ์ ตอนเขียนจิตผมจะต้องสงบ อาจจะทำสมาธิก่อนเขียนสัก5-10นาที บางทีก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ชมวิวต่างๆตามถนน เชื่อไหมว่าผมคิดพล็อตเรื่องตอนขับรถชมวิวได้นิยายเป็นเรื่องๆ

 

๑๔.  ตอนเขียนหนังสือ คุณมีคนอ่านที่อยู่ในใจไหม คุณอยากเขียนให้คนกลุ่มไหนอ่าน ?

นักอ่านของผมคือกลุ่มนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย และระดับมัธยมปลาย กลุ่มนี้มีเงินพอจะซื้อหนังสืออ่านด้วยตนเองได้ และความคิดก็โตพอที่จะรับรู้สารรักที่แทรกปนในสาระชีวิตได้ ผมเขียนนิยายรักน้ำเน่าไม่เป็น นิยายของผม แม้จะเป็นเรื่องรัก แต่ก็แฝงด้วยสาระชีวิตบางอย่าง ฉะนั้นนิยายรักโรแมนติก ประมาณว่า ชิงรักหักสวาท ที่เจาะกลุ่มนักอ่านได้ทุกวัยนั้น ผมเขียนไม่เป็นเลยจริงๆ อาจเป็นเพราะว่าผมเติบโตมาด้วยความฝันและอุดมการณ์ทางสังคม งานเขียนที่ชอบอ่านก็แนววรรณกรรมชีวิต ทำให้นิยายที่ผมเขียนจึงไม่เป็นน้ำเน่าให้คนทุกวัยติดงอมแงมได้ ผมจึงเจาะเฉพาะกลุ่ม

 

๑๕. คุณมีวิธีการหาข้อมูลในการเขียนอย่างไร?ใช้อินเตอร์เน็ทในการหาข้อมูลบ่อยไหม มันมีประโยชน์ต่อคุณหรือเปล่า ? และมีวิธีการจัดการกับข้อมูลนั้นอย่างไร ?

การหาข้อมูลของผมจะเป็นหนังสือที่อ้างอิงได้ ถ้าจะหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ผมยังมีความคิดว่า ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ยังเชื่อถือไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็น เพราะบางอย่างก็หลอกลวงกัน ผมจึงเน้นที่ข้อมูลจากหนังสือ ส่วนอินเตอร์เน็ตก็เป็นการหาความรู้เพิ่มเติม การจัดการข้อมูลก็จะจดโน๊ตข้อความที่สำคัญ นิยายเรื่องรักแห่งเสรีภาพนี้ผมหาข้อมูลมากพอสมควร ทั้งเรื่องโทรศัพท์มือถือ เครื่องมือสื่อสารที่ใช้กันในยุคนั้น และเหตุการณ์ “ พฤษภาทมิฬ ” ส่วนมากจะได้ข้อมูลจากหนังสือ ส่าวนที่ได้จากอินเตอร์เน็ตก็เป็นข้อมูลของ สนนท.(สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย) เมื่อตัวเอกของเรื่องเป็นนักศึกษาผมก็ต้องทราบข้อมูลด้วยว่านักศึกษายุคนั้นมีความเห็นอย่างไร ข้อมูลจาก สนนท. จึงเป็นประโยชน์อย่างมาก

 

๑๖. คุณมีเวลาอ่านงานเขียนของคนอื่นไหม คุณมีนักเขียนที่ชอบเป็นพิเศษหรือเปล่า ?

นักเขียนไทยผมยังไม่ชอบใครเป็นพิเศษ ถ้าจะชอบการเขียนก็เป็นนักเขียนต่างประเทศ บรรดานิยายแนวสืบสวนผมชอบหมด แต่ถ้าเป็นการอ่าน ผมก็อ่านทุกแนว อ่านทุกเล่มที่จะหามาอ่านได้ แต่จะ เน้นเป็นพิเศษคือหนังสือที่ได้รับรางวัลวรรณกรรม เพื่อเอามาศึกษาในการพัฒนาการเขียนของเราต่อไป อย่างว่าแหละ ผมเขียนนิยายรักที่ให้คนติดกันงอมแงมไม่เป็น ก็เลือกที่จะมาเขียนนิยายที่ให้คุณค่าทางวรรณกรรมแทน ส่วนนักเขียนที่ผมชื่นชอบโดยส่วนตัว แบบเป็นฮีโร่ในดวงใจนั้นคือคู่รักสมัยสิบสี่ตุลา คือ เสกสรรกับ จีรนันท์ พิตรปรีชา ไม่ใช่ชอบจากงานเขียนของท่านทั้งสองนะ แต่ชอบความคิดและแรงสร้างสรรค์ของท่านทั้งสองที่มีอุดมคติฝันอย่างสูงส่ง

 

๑๗.  อะไรที่คุณอยากจะให้คำแนะนำ คนที่ปรารถนาอยากจะเป็นนักเขียนที่เขียนได้จบเรื่องบ้าง

ความจริง แรลลี่ครั้งนี้ ผมไม่เชื่อว่าจะเขียนจบนะ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะเขียนนิยายจบได้ ในระยะเวลาแค่3เดือน ขนาดผมเขียนมาเป็นปีๆแล้วยังไม่จบเลย นิยายแรลลี่มันอาจให้อะไรเรามากมายเกินกว่าคำว่า “ แชมป์ ” เกินกว่าคำว่า “ เข้าเส้นชัย ” แต่มันเพิ่มวินัยในการเขียนของเราได้อย่างดี ผมจึงเขียนจบได้ อันดับแรกที่นักเขียนจะต้องมีคือ วินัย ต้องมีวินัยในตนเอง ให้คิดเสมอว่างานเขียนคืองานของเราอย่างหนึ่งที่จะต้องทำในวันหนึ่งๆ เมื่อเราคิดว่าวันนี้เราจะไปทำงาน เราก็ต้องคิดด้วยว่าวันนี้เราจะเขียนนิยาย ถ้าคิดว่างานเขียนคืองานของเราที่ชอบทำอย่างมีความสุข นิยายก็เขียนจบได้อย่างแน่นอนครับ

 

๑๘. ช่วยเล่าเกี่ยวกับเรื่องที่จะเขียนต่อไปด้วยค่ะ

นิยายเรื่องต่อไปที่ผมจะเขียนลงในแรลลี่ครั้งที่6นั้น มีสองเรื่อง ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะส่งเรื่องไหนลง ระหว่างรักแห่งเสรีภาพภาค2 กับนิยายรักแนวสืบสวน ถ้ารักแห่งเสรีภาพได้ตีพิมพ์ในเร็วๆนี้ คงเขียนภาค2ต่อ แต่ถ้ายังไม่ได้ตีพิมพ์ ผมก็คงเขียนนิยายรักแนวสืบสวนนี้แน่นอน

เรื่องนี้น่าจะเป็นบทเริ่มต้นในการเขียนนิยายแนวสืบสวนของผม ฝันมานานแล้วว่าอยากเขียนนิยายแนวสืบสวน เพราะหลงใหลนิยายแนวนี้มานานแล้ว แต่เรื่องนี้ยังไม่ถึงสืบสวนเต็มขั้น เป็นเรื่องรักที่ดำเนินเรื่องโดยการสืบสวนตามหาใครคนหนึ่ง พระเอกตามหาน้องชายที่หายไป ขณะเดียวกัน นางเอกเป็นพยาบาลก็ตามหาคนป่วยโรคจิตที่หนีออกจากโรงพยาบาล ทั้งสองมาเจอกัน อุบัติรักจึงเกิดขึ้น ทั้งคู่ตามหาบางสิ่งที่หายไป โดยลืมไปว่าบางอย่างในหัวใจก็ได้หายไปด้วย อย่าลืมติดตามนะครับ ในนิยายเรื่อง

“ สืบหัวใจ...ให้เจอรัก ”


.

ห้องมือใหม่
ห้องสร้างนักเขียน
การเขียนนวนิยายต่าง ๆ
Idea bank
ฝึกเขียนเรื่อง

ร้านหนังสือ

 

 
ฟรี E-book
 
 



 

  http://www.forwriter.com . © 2005 All rights reserved.